มาว่ากันด้วยเรื่องของ สเป็ก ของ Mirage กันก่อนเลย
เจ้า มิราจ ตัวนี้ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบใหม่ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 Valve รหัสเครื่องยนต์ 3A92 ให้กำลังสูงสุด 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 6 จังหวะ พร้อม Sportronic และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ของเครื่องยนต์ที่ทางมิตซูบิชิใส่มาให้ ด้วยเสื้อสูบอลูมิเนียมอัลลอยที่มีน้ำหนักเบา แข็งแรงและระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี มาพร้อม MIVEC ระบบวาล์วแปรผันที่ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วไอดีให้แปรผันสัมพันธ์กับอัตราเร่งในทุกๆ รอบเครื่องยนต์และทุกสภาพการขับขี่ ช่วงล่างจัดเต็มด้วยระบบกันสะเทือนช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท (McPherson strut) เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ และเกาะถนน พร้อมช่วงล่างด้านหลังทอร์ชั่นบีม (Torsion beam) แข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย ระบบการควบคุมก็มีพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ช่วยผ่อนแรงด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้ง่ายต่อการขับขี่ ลดภาระของเครื่องยนต์และทำให้ตอบสนองการขับขี่ดีขึ้น ส่วนเรื่องสเป็กอย่างอื่น คิดว่าหาอ่านได้อย่างง่ายดายในเวบทั่วไปครับ ไม่อยากเอามาเสริมให้ยืดเยื้อโดยไม่จำเป็นอัตราสิ้นเปลืองของ Mirage
สำหรับเจ้ามิราจตัวนี้ ถือว่าทำมาดีทีเดียว ด้วยอัตราสิ้นเปลืองถ้าใช้น้ำมันก็อยู่ที่ 1.8 – 2 บาท/กม. และ 0.5-0.8 บาท/กม. สำหรับผู้ที่นำไปติด LPG เรียบร้อยแล้วจุดเด่นของ Mirage
ขนาดตัวรถที่ดูเล็ก กระทัดรัด กับเครื่องยนต์ที่จี๊ดจ๊าดพอสมควร แต่งองค์ทรงเครื่องสักหน่อย เปลี่ยนแม็กซ์กับยางให้แจ่มๆ ก็ดูสวยสะดุดตาไม่แพ้รถยอดนิยมอย่าง Mini Cooper เลยทีเดียวครับ เรื่องของช่วงล่างที่ทำมาดีทีเดียว คุ้มกับราคารถ และ option ที่ให้มากกว่ารถ eco car ค่ายอื่นเยอะทีเดียว จึงเป็นสิ่งจูงใจให้คนส่วนใหญ่หันมาเลือก มิราจ มากกว่าที่จะเป็น มาร์ช หรือ Brioจุดด้อยของ Mirage
สำหรับจุดด้อยของเจ้ามิราจตัวนี้ เห็นจะเป็นขนาดความกว้างของห้องโดยสารตอนหลัง คือเบาะแถวคนนั่งด้านหลังนั่นเองที่ดูจะคับแคบไปเสียหน่อย ถ้าคนที่สูง 170 ซม. 4 คน เข้าไปนั่งด้วยกัน ดูจะอึดอัดมากทีเดียว หากเทียบกับ นิสสัน มาร์ช แล้ว ที่นั่งด้านหลังของมาร์ชนั้นให้ความสบายกว่าเยอะเลย นอกจากนี้รูปทรงตัวรถที่ดูแล้วไม่สะดุดตาเท่าไหร่ ต้องแต่งสักหน่อยถึงจะสวย กับล้อแบบเดิมๆ ที่ให้มานั้น เล็กและบางไปหน่อย ถ้าให้ขนาดฐานล้อที่กว้างกว่านี้มาสักหน่อยจะดีมากๆ ดังนั้นหลายคนจึงเอาไปเปลี่ยนแม็กซ์และใส่ยางที่หน้ากว้างขึ้นในเรื่องของการติดแก๊ส LPG นั้น ไม่เหมาะกับระยะยาวอย่างแน่นอน นอกจากวัสดุที่นำมาใช้ทำบ่าวาล์วแล้ว ที่เห็นได้ชัดคือขนาดหม้อน้ำที่ดูเล็กทีเดียว ซึ่งเรื่องความร้อนนั้นมีผลต่อการสึกหรอของเครื่องยนต์ใช้แก๊สมากทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม การที่ติดแก๊สมาแล้วนั้นจะทำให้วาล์วยันช้าหรือว่าเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะและพฤติกรรมการขับขี่ของคุณผู้ใช้ครับ ถ้าขับอย่างนิ่มนวล ตามสไตล์ Eco Car ก็ขับไปเถอะครับ น่าจะได้สัก 80,000 – 90,000 กม. แต่ถ้าเหยียบเอามันส์ เอาแรง 120 – 140 กม./ชม. บ่อยๆ อันนี้ก็ไปไวครับ ที่เหลือก็ยังไม่เห็นอะไรที่เอามาเรียกว่าเป็นจุดด้อยที่ชัดเจนได้ ปัญหาต่างๆ ที่เห็นว่าเกิดขึ้นในเวบบอร์ดของทางมิราจนั้น เอามาตัดสินไม่ได้เพราะว่า การใช้งานของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกันครับ
โดยรวมแล้วเป็นรถอีโคคาร์อีกคันหนึ่งที่น่าขับทีเดียว ไม่แพ้ทางด้าน นิสสัน มาร์ช เลยทีเดียว แต่อย่าเอาไปเปรียบกับ บรีโอ้ นะครับ เพราะบรีโอ้ห่วยสุดครับ ให้แต่ความแรงอย่างเดียว ไม่อยากจะนับว่าเป็นอีโคคาร์เลย ต้องขออภัยแฟนๆ ฮอนด้าทุกคนด้วยนะครับ แต่จากการที่ผมได้ทดลองใช้งานมาในเวลาเท่าๆ กัน คือ 2 สัปดาห์ ใช้ทุกวัน ไม่ถูกใจครับ ในเรื่องความประหยัด ยังทำได้ไม่ดีเท่า มิราจ กับ มาร์ช
สำหรับใครที่มองหารถอีโคคาร์สักคัน แล้วใช้งานคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ หรือใช้แค่ไปไหนมาไหนกับแฟน 2 คน แนะนำว่า มิราจคือคำตอบเลยครับ ไปได้หมด ไม่ว่าจะเหนือสุด ใต้สุดของสยาม ขับไปได้หมดครับ รับรองว่ารถไปได้แบบสบายๆ ที่จะไม่ไหวก็น่าจะเป็นคนขับนะครับ แต่อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งเชื่อผมหรือข้อมูลของผู้ใช้มิราจที่เอามาพูดกันในเวบบอร์ดอย่างเดียว ผมแนะนำว่าให้ไปลองขับรถ Test Drive ที่ศูนย์บริการก่อนครับ ดีที่สุด อย่าเพิ่งใจร้อน เพราะรถก็เหมือนกับแฟน ต้องพิถีพิถันเลือกให้มันตรงกับที่เราต้องการมากที่สุด จำเอาไว้ว่า ให้เลือกรถที่ “ขับแล้วโดน ไม่ใช่เห็นแล้วโดน”